Monday, September 25, 2006

>> pic <<



Thursday, September 21, 2006

>> สถานการณ์ประเทศไทย <<

รายงาน..."นายกฯพลัดถิ่น" : ปิดตำนานอหังการ"ทักษิณ"
คงไม่มีใครคาดคิดว่าช่วงเวลาเพียง 11 วันที่ ทักษิณ ชินวัตร เลือกระเห็จออกนอกประเทศเพื่อไปร่วมประชุมระดับโลกหลายรายการ จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ถึงขั้นปิดตำนาน "ตาดูดาว เท้าติดดิน" ของนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ลงได้อย่างเบ็ดเสร็จ มีรายงานว่าเหตุผลที่ "ทักษิณ" เลือกเดินทางไปประชุมเป็นเวลานานถึงสองสัปดาห์ นับตั้งแต่ 9-21 กันยายนตามกำหนดการเดิมนั้น เป็นเพราะหวั่นเกรงการรัฐประหารซึ่งเริ่มดังถี่ขึ้นในระยะหลัง
โดยเฉพาะภายหลังจากการ "เปิดศึก" กับสถาบันทหาร อันเนื่องมาจากคดีคาร์บอมบ์ ที่พุ่งเป้าไปที่ทหารเป็นผู้บงการเบื้องหลัง มีการระบุความเกี่ยวโยงกับนายทหารหลายรุ่น โดยเฉพาะจปร. 7 และข่าววงในยังเชื่อมโยงไปถึง "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" ที่ทักษิณและคนใกล้ชิดเชื่อมาตลอดว่าเป็นตัวการโค่นล้มทักษิณ และก่อความวุ่นวาย รวมถึงอยู่เบื้องหลังม็อบพันธมิตรเคลื่อนไหวขับไล่ทักษิณมาตลอด
แต่สุดท้ายความคืบหน้าคดีคาร์บอมบ์กลับคว้าน้ำเหลว ไม่สามารถจับตัวผู้กระทำผิดจริงๆได้จนแล้วจนรอด จนถึงเวลานี้ ที่สำคัญยังถูกสังคมมองว่าเป็นการ "สร้างสถานการณ์" ของฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐ เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการควบคุมสถานการณ์ และช่วงชิงคะแนนสงสารจากหมู่คนที่เป็นฐานคะแนนเสียงหลัก
หากยังจำได้ความคุกรุ่นของสถานการณ์นับตั้งแต่คดีคาร์บอมบ์ ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดขึ้นในหมู่คนใกล้ชิด จนถึงกับต้องออกมาให้สัมภาษณ์ "ดักทาง" ฝ่ายตรงข้ามไม่ให้คิดก่อการปฏิวัติ โดยนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ระหว่างที่ทักษิณยังอยู่ต่างประเทศ
ผลจากการออกมาให้ข่าวในเชิงปรามอย่างรู้ทันนี้ ได้ทำให้เกิดการออกมาตอบโต้อย่างชัดเจนเป็นครั้งแรกของ พล.อ.สนธิ บุญรัตนกลิน ผบ.ทบ. ทำนองว่าเรื่องนี้เป็นข่าวลวง ของผู้ที่ไม่ต้องการให้เกิดการปฏิวัติ "เป็นข่าวที่ออกมาเพื่อต้องการไม่ให้ทหารปฏิวัติ"
ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวของ "ทักษิณ" ที่ต่างประเทศก็มีรายงานเข้ามาเป็นระยะในเรื่องการเว้นวรรค ท่ามกลางการเฝ้าจับตามองของสังคม แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีความชัดเจนใดๆ กระทั่งล่าสุดเช้าวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาจึงได้ความชัดเจนในระดับหนึ่งเป็นครั้งแรกว่า จะให้คำตอบในวันรับสมัครเลือกตั้ง ขณะที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันมีการโยนหินถามทางเกิดขึ้น จากญาติสนิทที่ชื่อ สมชาย สุนทรวัฒน์ ว่าทักษิณจะเว้นวรรค 2 ปี และแคนดิเดตที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯคนต่อไปนั้น ได้แก่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ,พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ และนายสุรเกียรติ เสถียรไทย
แต่แล้วกระแสข่าวดังกล่าวก็ถูกปฏิเสธจากแกนนำพรรคไทยรักไทย ไม่ว่าจะเป็น สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รวมทั้ง นพ.พรหมินทร์ ก่อนที่จะมาจบลงที่การยืนยันจากทักษิณในการให้สัมภาษณ์ผ่านนักข่าวของสำนักข่าวไทยที่ร่วมเดินทางไปด้วยว่าตนยังไม่ได้คิดเรื่องจะให้ใครเป็นนายกฯแทน และพูดในเชิงให้ตีความได้ว่าพร้อมที่จะเว้นวรรค
ไม่เพียงเท่านั้น ทักษิณยังสร้างกระแสเพื่อให้เกาะอยู่ในความสนใจของคนไทยแม้ว่าตัวเองจะไม่อยู่หลายวัน ด้วยการออกอากาศรายการสถานีสนามเป้า ทางช่อง 5 ถึงสามวันซ้อน โดยผู้ดำเนินรายการที่ชื่อ จักรพันธ์ ยมจินดา อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์ทิ้งไว้ก่อนเดินทางไปคิวบา แต่ก็ไม่ได้แสดงความชัดเจนใดๆเรื่องการเว้นวรรค
ที่ฮือฮายิ่งไปกว่านั้นคือ "มุขตลกอินเตอร์" ที่ทักษิณจงใจส่งสัญญาณผ่านการพบปะกับผู้นำอาเซียน ด้วยการชวนตั้งพรรค "สุขนิยม" โดยยกให้นายกฯโคอิซูมิ แห่งญี่ปุ่นเป็นหัวหน้าพรรค และตัวเองจะรับเป็นเลขาธิการพรรค ทำให้มีการวิเคราะห์กันไปต่างๆนานาว่านี่อาจเป็นการหยั่งกระแส "เปิดทางถอย" ให้ปรากฏต่อสายตาชาวโลก
แต่ขณะเดียวกันทักษิณก็แสดงให้เห็นถึงความสับสนและลังเลของตัวเองอย่างชัดเจน เมื่อเขาประกาศว่าพรรคไทยรักไทยจะกลับมาชนะเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน และได้ยอมรับกับนักข่าวต่างชาติในการให้สัมภษณ์ประเด็นเรื่องการเว้นวรรคว่าเขายังสับสนกับชีวิต
เป็นที่น่าสังเกตว่าท่ามกลางสถานการณ์อึมครึม และความไม่มั่นใจต่อความปลอดภัยของตัวเอง ทำให้ทักษิณต้องเปลี่ยนกำหนดการบางช่วงอย่างกระทันหัน โดยให้เหตุผลว่าไม่สบาย นั่นคือจากเดิมที่มีกำหนดการกลับประเทศก่อนในช่วงแรก คือ วันที่ 12 กันยายน หลังจากเสร็จการประชุมอาเซมที่ประเทศฟินแลนด์ระหว่างวันที่ 9-11 กันยายน ก่อนจะเดินทางต่อเพื่อไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ที่ประเทศคิวบา และต่อด้วยการประชุมสหประชาชาติในวันที่ 14-21 กันยายน ก็เปลี่ยนเป็นอยู่ยาวตลอดสองสัปดาห์
ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ว่ากลัวการปฏิวัติรัฐประหาร อย่างไรก็ดีมีการประเมินกันว่าผลจากสถานการณ์ลอบวางระเบิดกลางเมืองหาดใหญ่เมื่อวันเสาร์ที่ 16 กันยายน น่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ก่อให้เกิดการทำรัฐประหาร เนื่องจากบ้านเมืองไม่อยู่สถานการณ์ที่ควบคุมได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษิณไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าจะตัดสินใจเดินทางกลับประเทศทันทีเพื่อเข้ามาควบคุมสถานการณ์นี้ด้วยตัวเอง
บวกกับความหวั่นเกรงว่าสถานการณ์จะยิ่งลุกลามบานปลายอันเนื่องมาจากในวันรุ่งขึ้น 20 กันยายนเป็นวันที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนจะระดมพลพลครั้งใหญ่เพื่อขับไล่ทักษิณโดยไม่มีกำหนด และอาจเกิดการปะทะกับฝ่ายเชียร์ทักษิณที่ถูกเกณฑ์กันมาจากที่ต่างๆโดยแกนนำและส.ส.ของพรรค ที่ประกาศหนุนให้ทักษิณเป็นนายกฯต่อ ถึงขั้นตั้งเป้าล่ารายชื่อคนอิสานกว่า 10 ล้านคน มีการตั้งข้อสังเกตว่าสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความผิดปรกติชัดเจนอย่างหนึ่งนับตั้งแต่ช่วงเช้าของวันปิดตำนาน 19 กันยายน ก็คือการไม่ปรากฏภาพผบ.เหล่าทัพเข้าร่วมประชุมทางไกลกับทักษิณ
เพื่อประเมินสถานการณ์ลอบวางระเบิดกลางเมืองหาดใหญ่ ด้วยติดภารกิจอยู่ก่อนแล้ว และนับจากเวลานั้นเรื่อยมากระแสข่าวหนาหูเรื่องการทำรัฐประหารก็เกิดขึ้นเป็นระยะตลอดทั้งวัน กระทั่งได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนในราว 18.00 น.ของวันที่ 19 กันยายน พร้อมกับมีรายงานว่าทักษิณกำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับเข้าประเทศ โดยจะถึงสนามบินเวลาประมาณตี 1 ของวันที่ 20 กันยายน ทั้งๆที่กำหนดการเดิมจะกลับถึงเมืองไทยเช้าวันที่ 21 กันยายนประมาณตี 5 ครึ่ง
รวมทั้งมีรายงานด้วยว่าหลังจากรับทราบทางโทรศัพท์จากนพ.พรหมินทร์ถึงการทำรัฐประหารที่ได้สำเร็จลงแล้ว พร้อมกับมีการประสานงานให้ทักษิณเปลี่ยนจุดลงเครื่องเป็นที่ประเทศฟิลิปปินส์แทนแล้ว ทักษิณก็ได้ติดต่อกลับเข้ามายัง มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เพื่อขอประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินผ่านทางช่อง 9 อสมท. น้ำเสียงละล่ำละลัก และสั่นเครือด้วยความรู้สึกกดดันเป็นระยะ ตลอดการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อค่ำคืนทีผ่านมา จึงเป็นเสียงสุดท้ายที่คนไทยได้ยินจาก "นายกพลัดถิ่น" ส่งท้ายตำนานอหังการ "ทักษิณ" อย่างถาวร

Monday, September 11, 2006

>> Les saison <<

Saison
Les saisons constituent l'une des principales divisions de l'année, généralement basée sur les changement annuels du temps météorologique. Ainsi, l'année est divisée en quatre saisons : le printemps, l'été, l'automne et l'hiver qui correspondent grossièrent à 4 évolutions du climat dans l'année. Les saisons sont créées par un double facteur : d'une part la révolution de la Terre autour du soleil, et d'autre part l'inclinaison de 23,27'° de l'axe nord-sud de rotation journalière de la Terre par rapport au plan de son orbite autour du Soleil (écliptique). En fonction de la position de la Terre par rapport au Soleil, la zone qui reçoit les rayons du Soleil de façon perpendiculaire se modifie donc. Plus les rayons arrivent perpendiculairement (c'est à dire plus le Soleil est proche du zénith), plus il fait chaud.
Le
soleil éclaire successivement à la perpendiculaire :

1. l'équateur, vers le 20 mars, à l'équinoxe de mars ou équinoxe de printemps;
2. le
tropique du Nord, vers le 21 juin, au solstice de juin ou solstice d'été;
3. l'équateur, de nouveau, vers le
23 septembre, à l'équinoxe de septembre ou
équinoxe d'automne;
4. le
tropique du Sud, vers le 21 décembre, au solstice de décembre ou solstice d'hiver.
Dans la tradition européenne, Le début des saisons est défini par les solstices et les équinoxes dans l'hémisphère nord, l'équinoxe de mars annonce le printemps, le solstice de juin annonce l'été, etc. Dans l'hémisphère sud, les saisons sont inversées, mais dans des pays qui sont d'anciennes colonies européennes, la définition reste la même. Dans cette tradition, le jour le plus long et ayant le plus d'incidence solaire est considéré comme le début de l'été. Ce fait tient compte d'une réalité : le 21 avril, il peut encore geler et le 23 août, il y a encore des canicules : pourtant l'insolation de ces deux jours est parfaitement égale. C'est l'inertie thermique qui induit un retard entre déclinaison du Soleil et température ; En France, le jour en moyenne le plus chaud est vers le 28 juillet et le plus froid vers le 27 janvier.

Il en va autrement en Orient. Les solstices sont considérés comme le milieu des saisons. Ainsi, le 21 juin étant le milieu de l'été et non le début, l'été commence donc vers le 6 mai, l'automne vers le 6 août, l'hiver vers le 6 novembre, le printemps vers le 6 février (qui marque la période du nouvel an chinois). Ceci est peut-être la conséquence d'un moindre retard thermique en climat continental qu'en climat océanique, où l'eau a un fort effet de tampon thermique.
Cette explication semble d'autant plus logique que la Russie admet une définition intermédiaire des saisons, à mi-chemin entre la conception européenne et la conception chinoise : Printemps : 1er mars, été : 1er juin ; automne : 1er septembre ; hiver : 1er décembre.
Les durées des différentes saisons varient. Dans les années 2000, les extrêmes vont d’à peine 89 jours pour l'hiver du nord jusqu’à 93 jours 3 heures et demie environ pour l’été
septentrional. Ceci est la conséquence du caractère elliptique de l'orbite terrestre. L'aphélie a lieu le 3 juillet, la terre est plus loin du soleil, va moins vite et donc met plus de temps à parcourir les 90 degrés entre le secteur du Cancer et celui de la balance ; à l'inverse, le périhélie a lieu vers le 3 janvier, la terre est plus proche du Soleil et va plus vite, ainsi elle met moins de temps entre le secteur du capricorne et le point vernal. C'est aussi pour cette raison que le mois de février n'admet que 28 jours.

La structure de l'année calendaire en quatre saisons ne s'applique pas partout ; elle est caractéristique des régions de la zone tempérée. En revanche, entre les deux tropiques par exemple, le Soleil est toujours suffisamment proche de la perpendiculaire pour que la différence de température entre été et hiver ne soit pas très marquée. Il n'y a alors souvent que deux saisons, une saison des pluies et une saison sèche, et le climat y est tropical (ou parfois désertique, selon la situation géographique).
Dans la zone
tempérée, on parle de saisons pleines (étés, hivers), et de mi-saisons (printemps, automne).

Sunday, September 10, 2006

>> Tour Eiffel <<



Tour Eiffel

La tour Eiffel est une tour de fer puddlé construite par Gustave Eiffel et ses collaborateurs pour l'Exposition universelle de 1889. Situé à l'extrémité du Champ-de-Mars, en bordure de la Seine, ce monument parisien, symbole de la France et de sa capitale est l'un des sites les plus visités du pays.
D'une hauteur de 300 mètres à l'origine, surélevée par la suite de nombreuses antennes culminant à 325 mètres, la tour Eiffel est restée l'édifice le plus élevé du monde pendant quarante ans. Utilisée dans le passé pour de nombreuses expériences scientifiques, elle sert aujourd'hui d'
émetteur de programmes radiophoniques et télévisés.

>> La France <<



ธงชาติ
ตราประจำชาติ

République française
เรปูบลีก ฟรองแซส
สาธารณรัฐฝรั่งเศส
คำขวัญ: Liberté, Égalité, Fraternité("เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ")
_________________________________________________
ฝรั่งเศส (France) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐฝรั่งเศส (French Republic) เป็นประเทศตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก
และสเปน ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศผู้ก่อตั้งสหภาพยุโรป
ประวัติศาสตร์
ประเทศฝรั่งเศสสืบเชื้อสายมาจากพวกโกลในศตวรรษที่ 1 จากนั้นตกมาอยู่ใต้การปกครองของพวกแฟรงก์
(ชื่อประเทศ France มาจากคำว่าแฟรงก์เช่นกัน) ปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ที่มีบันทึกว่าเริ่มในศตวรรษที่ 5
เมื่อพระเจ้าชาร์เลอมาญตั้งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ใน ค.ศ. 843 ก็มีอาณาเขตครอบคลุมทั้งฝรั่งเศสและเยอรมนี
ฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบกษัตริย์จนถึงการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1792 จึงเปลี่ยนมาใช้ระบอบสาธารณรัฐ
หลังจากนั้นนโปเลียน โบนาปาร์ตได้ตั้งตัวเองเป็นจักรพรรดิและรุกรานประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรป
เมื่อนโปเลียนพ่ายแพ้ ฝรั่งเศสจึงกลับมาใช้ระบบสาธารณรัฐอีกครั้ง เรียกว่ายุคสาธารณรัฐที่สอง
แต่ก็อยู่ได้ไม่นานเพราะหลุยส์ นโปเลียน หลานลุงของนโปเลียนได้ยึดประเทศและตั้งจักรวรรดิที่สองอีกครั้ง
ฝรั่งเศสได้รับความบอบช้ำอย่างหนักจากสงครามโลกทั้งสองครั้ง ปัจจุบันใช้การปกครองระบอบประชาธิปไตย
แบบที่มีทั้งประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรี (เรียกยุคสาธารณรัฐที่ห้า) ทศวรรษที่ผ่านมาฝรั่งเศสและเยอรมนี
เป็นผู้นำของการรวมตัวตั้งประชาคมยุโรป ซึ่งพัฒนามาเป็นสหภาพยุโรปในปัจจุบัน
ฝรั่งเศสยังเป็น 1 ใน 5 สมาชิกถาวรของ
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และเป็นประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง
การแบ่งเขตการปกครอง
ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรป (Metropolitan France) แบ่งการปกครองออกเป็น
22 แคว้น (regions - régions) ได้แก่
โดยในแต่ละแคว้นแบ่งออกเป็น จังหวัด (départements) รวมทั้งหมด 96 จังหวัด
นอกจากในทวีปยุโรปแล้ว ประเทศฝรั่งเศสยังมีเขตการปกครองโพ้นทะเล (Overseas) อยู่ในทวีปต่าง ๆ ทั้งอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา แอนตาร์กติกา และภูมิภาคโอเชียเนียอีก ได้แก่
**4 จังหวัดโพ้นทะเล (départements d'outre-mers: DOM) ได้แก่
กวาเดอลูป (Guadeloupe) เฟรนช์เกียนา (French Guiana) มาร์ตินีก (Martinique) และเรอูนียง (Réunion) ทั้งสี่มีฐานะเดียวกับแคว้นในฝรั่งเศสภาคพื้นทวีป (อย่างเดียวกับฮาวายที่มีฐานะเท่าเทียมกับมลรัฐอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกา) กล่าวคือ เป็นทั้งแคว้นและจังหวัดในเวลาเดียวกัน
**3 อาณานิคมโพ้นทะเล (collectivités d'outre-mer) ได้แก่
แซงปีแยร์และมีเกอลง (Saint-Pierre and Miquelon) หมู่เกาะวาลลิสและหมู่เกาะฟุตูนา (Wallis and Futuna) และมายอต (Mayotte)
**1 ประเทศโพ้นทะเล (pays d'outre-mer: POM) ดินแดนแห่งเดียวของฝรั่งเศสที่ได้รับการเรียกชื่อนี้คือ
เฟรนช์โปลินีเซีย (French Polynesia) ซึ่งเคยเป็นดินแดนโพ้นทะเล (TOM) มาก่อน แต่ได้รับการเปลี่ยนแปลงฐานะในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2546 โดยแบ่งออกเป็น 5 เขตบริหารย่อย
**1 อาณานิคมพิเศษ (collectivité sui generis) คือ
นิวแคลิโดเนีย (New Caledonia) เคยมีฐานะเป็นดินแดนโพ้นทะเลมาจนถึงปี พ.ศ. 2542 จึงได้รับการเปลี่ยนแปลงฐานะ แบ่งออกเป็น 3 จังหวัด (provinces) ได้แก่ จังหวัดนอร์ ซูด และอีลลัวโยเต
**1 ดินแดนโพ้นทะเล (territoires d'outre-mer: TOM) คือ
เฟรนช์เซาเทิร์นและแอนตาร์กติกแลนส์ (French Southern and Antarctic Lands) โดยแบ่งออกเป็น 4 เขต (districts) ได้แก่ หมู่เกาะแกร์เกอลอง (Kerguelen Islands) หมู่เกาะโกรเซ (Crozet Islands) เกาะอัมสเตอร์ดัมและเกาะแซงปอล (Amsterdam Island and Saint Paul Island) และดินแดนอาเดลี (Adelie Land)
**ดินแดน 5 เกาะในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งไม่มีผู้อาศัยอยู่อย่างถาวร รู้จักกันในชื่อ หมู่เกาะกระจายหรืออีลเซปาร์ส (Îles Éparses) ได้แก่
บัสซาสดาอินเดีย (Bassas da India) ยูโรปา (Europa) ฮวนเดโนวา (Juan de Nova) โกลริโอโซ (Glorioso) และตรอมแลง (Tromelin) ทั้งหมดถูกปกครองโดยจังหวัดโพ้นทะเลเรอูนียง
**เกาะที่ไม่มีผู้อาศัย 1 แห่ง คือ
คลิปเพอร์ตัน (Clipperton) อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้ชายฝั่งประเทศเม็กซิโก ปกครองโดยข้าหลวงใหญ่สาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำท้องถิ่นโพ้นทะเลเฟรนช์โปลินีเซีย
ภูมิศาสตร์
ขณะที่ดินแดนหลักของประเทศฝรั่งเศส (ลาเมโตรปอล - la Métropole หรือ ฟรองซ์เมโตรโปลีแตน - France métropolitaine)
ตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ฝรั่งเศสก็ยังมีดินแดนที่ตั้งอยู่ในอเมริกาเหนือ ทะเลแคริบเบียน อเมริกาใต้
มหาสมุทรอินเดียทางตะวันตกและทางใต้ มหาสมุทรแปซิฟิกใต้ รวมทั้งบางส่วนในทวีปแอนตาร์กติกาอีกด้วย
(การอ้างสิทธิเหนือดินแดนในแอนตาร์กติกาไม่ได้รับการยอมรับจากหลายประเทศ ดู สนธิสัญญาแอนตาร์กติก)
ฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรปมีอาณาเขตตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปจนจดทะเลเหนือ และจากแม่น้ำไรน์ไปจนจดมหาสมุทรแอตแลนติก
ซึ่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสยังมีพรมแดนโพ้นทะเลร่วมกับประเทศบราซิล ซูรินาเม และเนเธอร์แลนด์อีกด้วย
ฝรั่งเศสมีพื้นที่ครอบคลุมลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายมาก ตั้งแต่ที่ราบชายฝั่งในภาคเหนือและตะวันตก
ซึ่งติดกับทะเลเหนือและมหาสมุทรแอตแลนติก ไปจนถึงเขตเทือกเขาในภาคใต้คือเทือกเขาปีเรเน และภาคตะวันออกเฉียงใต้
คือเทือกเขาแอลป์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรปตะวันตก คือ มงบล็อง หรือ มองต์บลังก์ (Mont Blanc) สูง 4,810 เมตร
ส่วนระหว่างภูมิประเทศทั้งสองก็พบพื้นที่ที่มีความสูงระดับพื้นที่ต่างกัน เช่น ที่สูงตอนกลาง (มาซีฟซองตราล) เทือกเขาวอสช์
และที่ราบลุ่มแม่น้ำที่กว้างขวาง เช่น ที่ราบลุ่มแม่น้ำลัวร์ ที่ราบลุ่มแม่น้ำโรน ที่ราบลุ่มแม่น้ำการอน ที่ราบลุ่มแม่น้ำแซน เป็นต้น

Saturday, September 09, 2006

>>Pic post<<

l'image est drôle
Il ont l'ami

Il observe la femme

Elle mange la glace
Il est cri

Il est exercice

Wednesday, September 06, 2006

>>ของฝาก<<

Do not enthuse over a passing victory.
อย่ากระตือรือร้นต่อชัยชนะที่ไม่ยั่งยืน
There is not enough if there is nothing over.
สิ่งใดที่ไม่มีเหลือ ก็เท่ากับว่าสิ่งนั้นยังไม่เพียงพอ
Enthusiasts seldom speak the truth.
ผู้ที่มีความศรัทธาในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างแรงกล้า มักจะเป็นผู้ที่ไม่พูดความจริง
A crowd is not company, any faces are but a gallery of pictures.
คนหมู่มากอยู่ร่วมกันไม่ได้หมายความว่าเป็นเพื่อนกันทั้งหมด และใบหน้าต่างๆ ของคนเหล่านั้นก็เปรียบเสมือนรูปภาพที่ติดไว้ตามผนังห้อง
There is no necessity to fly the kite.
ไม่ควรจะหาเงินเลี้ยงชีพด้วยวิธีการหลอกลวงอันไม่จำเป็น
The greatest thing in a mans life should be done in the flush of youth.
สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตนั้น ควรจะทำเมื่อยังมความสดชื่นแข็งแรงในวัยหนุ่ม
Fallibility is not strange, but infallibity is.
ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ความไม่ผิดพลาดเลยนั่นแหละที่เป็นเรื่องแปลก
The greatest mistake you can make in life is to be continually
fearing you will make one.
ความผิดพลาดอันใหญ่หลวงที่สุด ที่ท่านสามารถจะทำได้ในชีวิต ก็คือการกลัวอยู่ตลอดเวลาว่าจะทำผิดพลาด
A public servants life is not a bed of roses ; rather is it a bed of thorns.
ชีวิตการเป็นข้าราชการนั้นไม่ใช่ชีวิตที่สุขสบายเลย กลับมีแต่ขวากหนามมากกว่า
Its all right letting yourself go, as long as you can get yourself back.
ถ้าคุณอยากจะปล่อยตัวก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่คุณสามารถดึงตัวเองกลับมาได้
Tact consists in knowing how far to go in going too far.
ไหวพริบ ก็คือ การรู้ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน ก่อนที่จะไกลเกินไป
Do not assume that the other fellow has intelligence to match yours.
He may have more.
อย่าทึกทักว่าคนอื่นจะฉลาดเท่าๆ กับคุณ เขาอาจจะฉลาดกว่า
Laugh and the world laughs with you, weep and you weep alone.
หัวเราะเถอะ.... แล้วคนทั่วโลกจะพลอยหัวเราะไปกับคุณ -- ร้องไห้เถอะ.... แล้วคุณจะร้องไห้คนเดียว
Know your own faults before blaming others for theirs.
รู้ถึงความผิดของตนเองก่อนจะติเตียนเรื่องของผู้อื่น
If at first you don't succeed, try, try, try again.
ถ้าครั้งแรกไม่ประสบผลสำเร็จ ก็จงพยายาม--พยายาม--พยายามต่อไป
Love means never having to say you're "sorry"
ถ้ารัก..... ก็จงลืมคำว่า "เสียใจ"
Never keep up with the Joneses. Drag them down to your level. It's cheaper.
อย่าทำตัวฟู่ฟ่าตามอย่างคนอื่น ให้คนอื่นทำตามอย่างคุณ... จะประหยัดว่า
Do not fear when your enemies criticise you. Beware when they applaud.
จงอย่ากลัวเมื่อศัตรูวิจารณ์ท่าน แต่จงพึงระวังเมื่อเขาสรรเสริญ
Learn to walk before you run.
เรียนด้วยการก้าวไปก่อนที่จะวิ่ง
One should never place confidence in the future it dose not deserve it.
อย่าฝากความเชื่อมั่นไว้กับอนาคต เพราะอนาคตไม่มีค่าควรแก่การไว้ใจ
Patience is bitter but sweet fruits.
ความอดทนเป็นยาที่ขม แต่จะกลายเป็นผลไม้หวานในที่สุด
Think before you will speak.
จงคิดก่อนที่ท่านจะพูด (แต่จงอย่าพูดทุกคำที่คิด)
He who would climb the ladder must begin at the bottom.
ผู้ที่จะปีนไต่บันได้ขึ้นไป จะต้องเริ่มจากชั้นล่างสุด
Courtesy costs nothing.
ความสุภาพอ่อนโยน ไม่ต้องเสียเงินเลย
There's no such thing as a free lunch.
ไม่มีอะไรในโลกที่จะได้มาเปล่าๆ
Only love is not enough for marriage.
เฉพาะความรักอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะแต่งงาน
If you do not raise your eyes you will think you are the highest point .
ถ้าคุณไม่ชำเลืองตามองสูงขึ้น คุณจะคิดว่าคุณสูงที่สุดแล้ว
Man was not born to be defeat.
มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะพ่ายแพ้
The man who works knows real value of money.
คนผู้ซึ่งทำงานเท่านั้นที่รู้จักคุณค่าของเงินอย่างแท้จริง
Sence of humour is a valuable.
อารมณ์ขันเป็นของมีค่าอย่างหนึ่ง
Judge not, that you be not judged.
อย่าไปพิพากษาใคร ถ้าหากท่านไม่ต้องการถูกพิพากษา


......start......

วันนี้มีเรื่องราวดีดีมาฝาก
7 วิธีคิดอย่างคนเก่งการเป็นคนเก่ง
การเป็นคนเก่ง ไม่ใช่ความโชคดีของพันธุกรรมหรอกนะคะอยู่ที่การฝีกขัดเกลาสมอง และหัวใจของคุณต่างหากค่ะ
แล้วคุณจะมีความปราดเปรื่อง ในแบบฉบับของคุณ เป็นคนเก่ง ที่สามารถจัดการกับชีวิตของตนเองได้อย่างลงตัว
คิดในทางบวก มองโลกในแง่ดี และทำทุกสิ่งอย่างเต็มกำลัง ด้วยรอยยิ้มและความเบิกบาน
ทำตัวให้สดชื่น มีชีวิตชีวาและกระตือรือร้นอยู่เสมอ พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสถานการณ์
จะช่วยให้คุณสามารถที่จะจัดการกับทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาได้อย่างอยู่มือ
มีศรัทธาในตัวเอง ถ้าแม้แต่ตัวคุณเอง ยังไม่ศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวเองแล้วจะมีมนุษย์หน้าไหนล่ะ
จะเชื่อในความเก่งของคุณ อยากให้ใครๆ เขาชื่นชอบและทึ่งในตัวคุณ คุณก็ต้องมั่นใจตัวเองก่อน
ขอท้าคว้าฝัน ไม่มีอะไรที่จะทรงพลังมากเท่ากับความตั้งใจจริง และทุ่มสุดตัวหรอกนะความกระหายอันแรงกล้า
ที่จะพาตัวเองไปสู่จุดหมายนั่นแหละเป็น แรงผลักดันที่จะทำให้คุณสานฝันสู่ความจริงได้
ค้นหาบุคคลต้นแบบ ใครก็ได้ที่คุณชื่นชม เพื่อเป็นมาตรฐานที่ดีในการดำเนินรอยตามศึกษาแนวคิด
วิธีการทำงาน จุดเด่นในตัวเขา เผื่อว่าเราจะได้ไอเดียแจ๋ว ๆ มาปรับใช้ให้ชีวิตก้าวโลดสู่ความสำเร็จกับเขามั่ง
เริ่มต้นงานใหม่ทุกวันด้วยรอยยิ้มสดใส คนที่มีรอยยิ้ม ระบายไว้บนใบหน้า เสมือนประตูที่เปิดกว้าง
ให้ใครๆ อยากเข้ามาคบหาด้วย การเจรจาติดต่องาน ก็มักจะลงเอยด้วยความสำเร็จ
มากกว่าคนที่หน้าตาแบกโลกนะนอกจากนี้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ยังสร้างความเบิกบาน และคลายทุกข์
แถมยังเป็นยาอายุวัฒนะชั้นอ๋อง ที่ทำให้เราดูเป็นวัยสะรุ่นตลอดกาลรู้อย่างนี้แล้ว..หัดติดรอยยิ้มไว้ที่มุมปากกันเป็นประจำนะ
เรียนรู้จากความผิดพลาด ก็สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง จะเป็นอะไรเชียวถ้าเราจะทำอะไร
แล้วจะยังไม่สำเร็จอย่างที่หวังไว้ เพียงแต่ขอให้ทำเต็มที่ และเปิดใจให้กว้าง ยอมรับความจริง
หันมาทบทวน ดูว่ามีขั้นตอนไหนที่ผิดพลาดไป... เพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ให้ดีกว่าเดิม
ทะนุถนอมมิตรสัมพันธ์เก่าๆ คงไม่มีใครที่จะอยู่อย่างมีความสุข โดยปราศจากเพื่อนหรือมิตรที่รู้ใจหรอกนะแม้ว่าในชีวิตแต่ละวัน
ของคุณจะวุ่นวายแค่ไหนก็ตาม คุณควรจะมีเวลาให้กับเพื่อนซี้ ที่รู้จักมักจี๋กันมานานซะบ้างแวะไปหากัน
เมื่อโอกาสอำนวย ชวนกันออกมาทานข้าว ในช่วงวันหยุด ส่งการ์ดปีใหม่
หรือร่อนการ์ดวันเกิดไปให้ เผื่อในยามที่คุณเปล่าเปลี่ยวหงอยเหงา เศร้าทุกข์ใจ ก็ยังมีเพื่อนแสนซื้
ไว้พื่งพา และให้กำลังใจกันได้นะ