Thursday, September 21, 2006

>> สถานการณ์ประเทศไทย <<

รายงาน..."นายกฯพลัดถิ่น" : ปิดตำนานอหังการ"ทักษิณ"
คงไม่มีใครคาดคิดว่าช่วงเวลาเพียง 11 วันที่ ทักษิณ ชินวัตร เลือกระเห็จออกนอกประเทศเพื่อไปร่วมประชุมระดับโลกหลายรายการ จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ถึงขั้นปิดตำนาน "ตาดูดาว เท้าติดดิน" ของนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ลงได้อย่างเบ็ดเสร็จ มีรายงานว่าเหตุผลที่ "ทักษิณ" เลือกเดินทางไปประชุมเป็นเวลานานถึงสองสัปดาห์ นับตั้งแต่ 9-21 กันยายนตามกำหนดการเดิมนั้น เป็นเพราะหวั่นเกรงการรัฐประหารซึ่งเริ่มดังถี่ขึ้นในระยะหลัง
โดยเฉพาะภายหลังจากการ "เปิดศึก" กับสถาบันทหาร อันเนื่องมาจากคดีคาร์บอมบ์ ที่พุ่งเป้าไปที่ทหารเป็นผู้บงการเบื้องหลัง มีการระบุความเกี่ยวโยงกับนายทหารหลายรุ่น โดยเฉพาะจปร. 7 และข่าววงในยังเชื่อมโยงไปถึง "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" ที่ทักษิณและคนใกล้ชิดเชื่อมาตลอดว่าเป็นตัวการโค่นล้มทักษิณ และก่อความวุ่นวาย รวมถึงอยู่เบื้องหลังม็อบพันธมิตรเคลื่อนไหวขับไล่ทักษิณมาตลอด
แต่สุดท้ายความคืบหน้าคดีคาร์บอมบ์กลับคว้าน้ำเหลว ไม่สามารถจับตัวผู้กระทำผิดจริงๆได้จนแล้วจนรอด จนถึงเวลานี้ ที่สำคัญยังถูกสังคมมองว่าเป็นการ "สร้างสถานการณ์" ของฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐ เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการควบคุมสถานการณ์ และช่วงชิงคะแนนสงสารจากหมู่คนที่เป็นฐานคะแนนเสียงหลัก
หากยังจำได้ความคุกรุ่นของสถานการณ์นับตั้งแต่คดีคาร์บอมบ์ ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดขึ้นในหมู่คนใกล้ชิด จนถึงกับต้องออกมาให้สัมภาษณ์ "ดักทาง" ฝ่ายตรงข้ามไม่ให้คิดก่อการปฏิวัติ โดยนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ระหว่างที่ทักษิณยังอยู่ต่างประเทศ
ผลจากการออกมาให้ข่าวในเชิงปรามอย่างรู้ทันนี้ ได้ทำให้เกิดการออกมาตอบโต้อย่างชัดเจนเป็นครั้งแรกของ พล.อ.สนธิ บุญรัตนกลิน ผบ.ทบ. ทำนองว่าเรื่องนี้เป็นข่าวลวง ของผู้ที่ไม่ต้องการให้เกิดการปฏิวัติ "เป็นข่าวที่ออกมาเพื่อต้องการไม่ให้ทหารปฏิวัติ"
ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวของ "ทักษิณ" ที่ต่างประเทศก็มีรายงานเข้ามาเป็นระยะในเรื่องการเว้นวรรค ท่ามกลางการเฝ้าจับตามองของสังคม แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีความชัดเจนใดๆ กระทั่งล่าสุดเช้าวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาจึงได้ความชัดเจนในระดับหนึ่งเป็นครั้งแรกว่า จะให้คำตอบในวันรับสมัครเลือกตั้ง ขณะที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันมีการโยนหินถามทางเกิดขึ้น จากญาติสนิทที่ชื่อ สมชาย สุนทรวัฒน์ ว่าทักษิณจะเว้นวรรค 2 ปี และแคนดิเดตที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯคนต่อไปนั้น ได้แก่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ,พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ และนายสุรเกียรติ เสถียรไทย
แต่แล้วกระแสข่าวดังกล่าวก็ถูกปฏิเสธจากแกนนำพรรคไทยรักไทย ไม่ว่าจะเป็น สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รวมทั้ง นพ.พรหมินทร์ ก่อนที่จะมาจบลงที่การยืนยันจากทักษิณในการให้สัมภาษณ์ผ่านนักข่าวของสำนักข่าวไทยที่ร่วมเดินทางไปด้วยว่าตนยังไม่ได้คิดเรื่องจะให้ใครเป็นนายกฯแทน และพูดในเชิงให้ตีความได้ว่าพร้อมที่จะเว้นวรรค
ไม่เพียงเท่านั้น ทักษิณยังสร้างกระแสเพื่อให้เกาะอยู่ในความสนใจของคนไทยแม้ว่าตัวเองจะไม่อยู่หลายวัน ด้วยการออกอากาศรายการสถานีสนามเป้า ทางช่อง 5 ถึงสามวันซ้อน โดยผู้ดำเนินรายการที่ชื่อ จักรพันธ์ ยมจินดา อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์ทิ้งไว้ก่อนเดินทางไปคิวบา แต่ก็ไม่ได้แสดงความชัดเจนใดๆเรื่องการเว้นวรรค
ที่ฮือฮายิ่งไปกว่านั้นคือ "มุขตลกอินเตอร์" ที่ทักษิณจงใจส่งสัญญาณผ่านการพบปะกับผู้นำอาเซียน ด้วยการชวนตั้งพรรค "สุขนิยม" โดยยกให้นายกฯโคอิซูมิ แห่งญี่ปุ่นเป็นหัวหน้าพรรค และตัวเองจะรับเป็นเลขาธิการพรรค ทำให้มีการวิเคราะห์กันไปต่างๆนานาว่านี่อาจเป็นการหยั่งกระแส "เปิดทางถอย" ให้ปรากฏต่อสายตาชาวโลก
แต่ขณะเดียวกันทักษิณก็แสดงให้เห็นถึงความสับสนและลังเลของตัวเองอย่างชัดเจน เมื่อเขาประกาศว่าพรรคไทยรักไทยจะกลับมาชนะเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน และได้ยอมรับกับนักข่าวต่างชาติในการให้สัมภษณ์ประเด็นเรื่องการเว้นวรรคว่าเขายังสับสนกับชีวิต
เป็นที่น่าสังเกตว่าท่ามกลางสถานการณ์อึมครึม และความไม่มั่นใจต่อความปลอดภัยของตัวเอง ทำให้ทักษิณต้องเปลี่ยนกำหนดการบางช่วงอย่างกระทันหัน โดยให้เหตุผลว่าไม่สบาย นั่นคือจากเดิมที่มีกำหนดการกลับประเทศก่อนในช่วงแรก คือ วันที่ 12 กันยายน หลังจากเสร็จการประชุมอาเซมที่ประเทศฟินแลนด์ระหว่างวันที่ 9-11 กันยายน ก่อนจะเดินทางต่อเพื่อไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ที่ประเทศคิวบา และต่อด้วยการประชุมสหประชาชาติในวันที่ 14-21 กันยายน ก็เปลี่ยนเป็นอยู่ยาวตลอดสองสัปดาห์
ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ว่ากลัวการปฏิวัติรัฐประหาร อย่างไรก็ดีมีการประเมินกันว่าผลจากสถานการณ์ลอบวางระเบิดกลางเมืองหาดใหญ่เมื่อวันเสาร์ที่ 16 กันยายน น่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ก่อให้เกิดการทำรัฐประหาร เนื่องจากบ้านเมืองไม่อยู่สถานการณ์ที่ควบคุมได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษิณไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าจะตัดสินใจเดินทางกลับประเทศทันทีเพื่อเข้ามาควบคุมสถานการณ์นี้ด้วยตัวเอง
บวกกับความหวั่นเกรงว่าสถานการณ์จะยิ่งลุกลามบานปลายอันเนื่องมาจากในวันรุ่งขึ้น 20 กันยายนเป็นวันที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนจะระดมพลพลครั้งใหญ่เพื่อขับไล่ทักษิณโดยไม่มีกำหนด และอาจเกิดการปะทะกับฝ่ายเชียร์ทักษิณที่ถูกเกณฑ์กันมาจากที่ต่างๆโดยแกนนำและส.ส.ของพรรค ที่ประกาศหนุนให้ทักษิณเป็นนายกฯต่อ ถึงขั้นตั้งเป้าล่ารายชื่อคนอิสานกว่า 10 ล้านคน มีการตั้งข้อสังเกตว่าสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความผิดปรกติชัดเจนอย่างหนึ่งนับตั้งแต่ช่วงเช้าของวันปิดตำนาน 19 กันยายน ก็คือการไม่ปรากฏภาพผบ.เหล่าทัพเข้าร่วมประชุมทางไกลกับทักษิณ
เพื่อประเมินสถานการณ์ลอบวางระเบิดกลางเมืองหาดใหญ่ ด้วยติดภารกิจอยู่ก่อนแล้ว และนับจากเวลานั้นเรื่อยมากระแสข่าวหนาหูเรื่องการทำรัฐประหารก็เกิดขึ้นเป็นระยะตลอดทั้งวัน กระทั่งได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนในราว 18.00 น.ของวันที่ 19 กันยายน พร้อมกับมีรายงานว่าทักษิณกำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับเข้าประเทศ โดยจะถึงสนามบินเวลาประมาณตี 1 ของวันที่ 20 กันยายน ทั้งๆที่กำหนดการเดิมจะกลับถึงเมืองไทยเช้าวันที่ 21 กันยายนประมาณตี 5 ครึ่ง
รวมทั้งมีรายงานด้วยว่าหลังจากรับทราบทางโทรศัพท์จากนพ.พรหมินทร์ถึงการทำรัฐประหารที่ได้สำเร็จลงแล้ว พร้อมกับมีการประสานงานให้ทักษิณเปลี่ยนจุดลงเครื่องเป็นที่ประเทศฟิลิปปินส์แทนแล้ว ทักษิณก็ได้ติดต่อกลับเข้ามายัง มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เพื่อขอประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินผ่านทางช่อง 9 อสมท. น้ำเสียงละล่ำละลัก และสั่นเครือด้วยความรู้สึกกดดันเป็นระยะ ตลอดการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อค่ำคืนทีผ่านมา จึงเป็นเสียงสุดท้ายที่คนไทยได้ยินจาก "นายกพลัดถิ่น" ส่งท้ายตำนานอหังการ "ทักษิณ" อย่างถาวร

0 Comments:

Post a Comment

<< Home